(https://static.siamsport.co.th/news/2022/05/05/news202205050603452.jpg)
เรอัล มาดริด สร้างปาฎิหาริย์อีกครั้งด้วยการพลิกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 ส่งผลให้สกอร์รวม 2 นัด เสมอ 5-5 และต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที โดย "ราชันชุดขาว" ได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของ คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 95 จบเกมเจ้าบ้านชนะ 3-1 รวมสกอร์ทั้งสิ้น "โลส บลังโกส" คว้าชัยไป 6-5 ได้ทะลุเข้าไปดวลกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้
ตัวจริง
ติโบต์ กูร์กตัวส์ : 7
ทำผลงานได้อย่างเหนียวหนึบในเกมนี้ ช่วยเซฟให้ทีมถึง 8 ครั้ง โดยมี 3 ครั้งเป็นการเซฟที่ช่วยให้ "ราชันชุดขาว" ไม่เสียประตู มีความนิ่ง เตะเคลียร์ได้เด็ดขาด
ดานี่ การ์บาฆาล : 7
รับมือกับความเร็วของ ฟิล โฟเด้น กับ กาเบรียล เชซุส ได้ดีเยี่ยม จังหวะเปิดบอลริมเส้นเข้าในกรอบเขตโทษมีความอันตราย มีส่วนในจังหวะได้ประตูที่สอง จากการเปิดบอลให้ อาเซนซิโอ โหม่งแฉลบก่อนเข้าหัว โรดรีโก้ โขกเข้าประตู
เอแดร์ มิลิเตา : 7
เจอความเร็วและความคล่องตัวของผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ ปั่นป่วนตลอด บางจังหวะทำบอลลั่นทำให้ทีมเสียเปรียบ แต่ครึ่งหลังพัฒนาฟอร์มขึ้นอย่างโดดเด่น จัดการเกมรุก "เรือใบสีฟ้า" ได้ดีเยี่ยม ช่วงต่อเวลาพิเศษมีจังหวะสำคัญหยุด โฟเด้น ไม่ให้เข้าไปสร้างโอกาสทำประตู
นาโช่ เฟอร์นันเดซ : 7
ลงมาทำหน้าที่แทน ดาวิด อลาบา ที่มีปัญหาบาดเจ็บ และทำผลงานได้ยอดเยี่ยม คอยทำหน้าที่เป็นกองหลังตัวสุดท้าย มีหลายจังหวะที่เสียบสกัดได้อย่างแม่นยำ และสู้กับความสดของ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้ดีไม่มีที่ติ
แฟร์กล็องด์ เมนดี้ : 6
จำเป็นต้องเติมเกมเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายคู่แข่งแต่ทำอะไรได้ไม่มากนัก จังหวะเสียประตูน่าจะประกบ ริยาด มาห์เรซ ให้ดีกว่านี้ แต่มีความดีความชอบในการสกัดลูกยิงของ แจ็ค กรีลิช บนเส้นทำให้ทีมไม่โดนทิ้งห่าง ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกผันอย่างที่เห็น
โทนี่ โครส : 5
ต้องทำหน้าที่เล่นเกมรับเยอะกว่าเดิม พยายามผ่านบอลยาวแต่ไม่ค่อยแม่นยำ แทบไม่มีส่วนช่วยอะไรทีมมากนักก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกไป
กาเซมีโร่ : 6
เกือบบาดเจ็บจากจังหวะกระชากเสื้อ โฟเด้น กลางสนาม ช่วยงานแดนกลางได้ดีทำให้ทีมมีโอกาสครองบอลมากขึ้น แต่พลาดปล่อยให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา มีพื้นที่เล่นเยอะเกินไปจนนำไปสู่การเสียประตูแรก
ลูก้า โมดริช : 6
โดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็นหลังมีปัญหากับ เอมเมอริค ลาปอร์กต์ ไม่สามารถรับมือกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา กับ โรดรี้ ได้เลย แต่ทำได้ดีในการวิ่งไล่กดดันแบบตัวต่อตัว
เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ : 5
ใช้พลังเยอะมากในการเล่นแต่ขาดคุณภาพ ไม่มีจังหวะสร้างเกมสวยๆ ทางฝั่งของตัวเองเพื่อให้ทีมได้เปรียบ
คาริม เบนเซม่า : 8
ต้นเกมมีโอกาสทำประตูถึงสองครั้งแต่ซัดไม่ตรงกรอบ หลังจากนั้นก็แทบจะหายไปจากเกมแต่ช่วงท้ายครึ่งหลังเป็นคนแอสซิสต์ให้ โรดรีโก้ ซัดประตูตีเสมอ และยังยิงประตูที่สามจากจุดโทษช่วงต่อเวลาพิเศษนำ เรอัล มาดริด เข้าชิงชนะเลิศ
วินิซิอุส จูเนียร์ : 7
ครึ่งแรกโดน ไคล์ วอล์คเกอร์ เล่นงานจนอยู่หมัด แต่หลังจากที่แบ็กขวาชาวอังกฤษถูกเปลี่ยนตัว วินิซิอุส มีพื้นที่เล่นมากขึ้น มีโอกาสได้โชว์ความเร็วมากตลอด และปั่นป่วนแนวรับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างต่อเนื่อง
ตัวสำรองที่ได้ลงเล่น
โรดรีโก้ (แทน โทนี่ โครส น. 68) : 9
ซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง ลงเป็นตัวสำรอง ใช้ความเร็วป่วนแนวรับทีมเยือน ก่อนจะทำสองประตูสำคัญ แถมมีลุ้นทำแฮตทริกช่วงทดเจ็บแต่ยิงไปติดเซฟ เอแดร์ซอน
อาเซนซิโอ (แทน กาเซมีโร่ น. 75) : 5
พยายามโขกบอลแต่ดันแฉลบหัวเข้าทาง โรดรีโก้ ที่ได้โหม่งเต็มๆ เข้าประตู นอกนั้นก็ไม่ค่อยได้มีบทบาทอะไรมากนัก
เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า (แทน ลูก้า โมดริช น.75) : 8
สร้างโอกาสจากการเปิดบอลให้ เบนเซม่า แตะคืนให้ โรดรีโก้ ซัดประตู คุมเกมแดนกลางได้ดีเยี่ยม คอยเชื่อมเกม และรับมือกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้อยู่หมัด
ดานี่ เซบายอส (แทน คาริม เบนเซม่า น. 104) : 5
ลงมาเพื่อช่วยเกมแดนกลาง และทำได้ตามแท็กติกของ อันเชลอตติ
ลูกัส บาซเกซ (แทน วินิซิอุส จูเนียร์ น. 115) : ไม่มีคะแนน
มีเวลาไม่มากพอให้แสดงผลงาน
เฆซุส บาเยโฆ (แทน เอแดร์ มิลิเตา น. 115) :1 ไม่มีคะแนน
มีเวลาไม่มากพอให้แสดงผลงาน