(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/25/news202204251500921.jpg)
นับเป็นอีกครั้งที่ ดิว็อค โอริกี้ แนวรุก ลิเวอร์พูล สามารถลงมาเป็นตัวสำรองแล้วสร้างผลกระทบที่ดีให้กับทีมได้ หลังจากในนัดล่าสุดเขาโดนเปลี่ยนตัวลงสนามไปในนาทีที่ 60 ก่อนจะทำประตูตอกย้ำชัยชนะให้ต้นสังกัดพิชิต เอฟเวอร์ตัน คู่อริร่วมเมืองไปได้ 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับ โอริกี้ นอกจากมันจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ได้มากที่สุดจากขุมกำลังชุดปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล แล้วนั้น มันยังมีเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเขาอีกหลายอย่างด้วย ลองไปดูกันสักหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
- ทาบตำนาน
นับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก นั้น มีนักเตะ ลิเวอร์พูล เพียงแค่ 3 คนที่สามารถทำประตูในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ได้ 6 ลูกขึ้นไป และ โอริกี้ ก็กลายเป็นหนึ่งในนั้น โดยผลงาน 6 ลูกของเขามันถือว่าเท่ากับที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เคยทำได้ แต่ก็ยังน้อยกว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เคยทำเอาไว้ 10 ลูก โดยของ เจอร์ราร์ด แบ่งเป็นเกมลีก 9 ลูกกับ เอฟเอ คัพ 1 ประตู
(https://static.siamsport.co.th/files/images/ORG01.jpg)
ทั้งนี้ นักเตะ ลิเวอร์พูล ที่สารถทำประตูในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ได้มากที่สุดตลอดกาลคือ เอียน รัช จากการที่เคยยิงไป 25 ลูก โดยในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในเกมลีก 13 ประตู
- ซูเปอร์ซับทั้งโดยรวมและกับทอฟฟี่
จนถึงตอนนี้ โอริกี้ สามารถทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 41 ลูกจากการลงเล่น 173 นัดในทุกรายการ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการทำสกอร์ได้ในฐานะตัวสำรอง 12 ประตู หรือก็คือเขาทำประตูในฐานะตัวสำรองได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประตูทั้งหมดที่ทำได้ในสีเสื้อ "หงส์แดง"
(https://static.siamsport.co.th/files/images/ORG02.jpg)
นอกจากนี้ จากจำนวนทั้งหมด 6 ประตูที่เขาทำได้ในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ นั้น มันยังมีถึงครึ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการเป็นตัวสำรองด้วย โดย 2 หนก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในเกมลีกเมื่อตอนเดือนเมษายน ปี 2017 ที่เขายิงปิดท้ายพาทีมชนะ 3-1 ตามด้วยเกมในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2018 ที่เขาทำประตูชัยให้ทีมเฉือน "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" 1-0
- ช่วงเวลาที่พึ่งพาได้เสมอ
ผลงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้เท่ากับว่า โอริกี้ ทำประตูหลังจากผ่านช่วงนาทีที่ 75 ของการแข่งขันไปได้รวมแล้ว 15 ประตูด้วยกัน หรือก็คือคิดเป็น 37.5 เปอร์เซ็นต์จากประตูทั้งหมดที่เขาทำได้เลยทีเดียว
(https://static.siamsport.co.th/files/images/ORG03.jpg)
ขณะเดียวกัน นี่ก็นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาแผลงฤทธิ์ใส่ เอฟเวอร์ตัน หลังจากผ่านนาทีที่ 75 ของการแข่งขันไปแล้วด้วย โดยหนแรกก็คือเกมเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018 ที่เขาทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 6 จนทำให้ ลิเวอร์พูล ได้ 3 แต้ม
นอกจากนี้ ทั้ง 3 ประตูในลีกที่ โอริกี้ ทำได้ในซีซั่นนี้นั้น เกิดขึ้นหลังเลยนาทีที่ 75 ไปแล้วทั้งหมดด้วย โดย 2 ลูกก่อนหน้านี้คือวันที่เขายิงตีตื้นให้ทีมไล่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาเป็น 2-3 ในนาทีที่ 83 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามด้วยเกมที่ยิงได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 จนทำให้ทีมเฉือน วูล์ฟส์ 1-0 ในวันที่ 4 ธันวาคม