เว็บคาสิโนออนไลน์ที่ดีที่สุด MetaBet191 มีเครดิตฟรีทดลองเล่น

METABET191 NEWS => วิธีเล่นคาสิโน สูตรพิชิตพนันออนไลน์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: ปีศาจแดง1998 เมื่อ เม.ย 14, 2022, 02:48 หลังเที่ยง

ชื่อ: เปิดเกร็ดน่ารู้หลัง เชลซี บุกชนะ มาดริด แต่ตกรอบ
โดย: ปีศาจแดง1998 เมื่อ เม.ย 14, 2022, 02:48 หลังเที่ยง
(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/13/news202204131444741.jpg)

ถือเป็นผลการแข่งขันที่ทำให้หลายคนลุ้นระทึกสุดๆ กับเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสองที่ เรอัล มาดริด เปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจอกับ เชลซี เมื่อวันอังคารที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา โดยถึงแม้ฝั่งเจ้าบ้านจะแพ้ 2-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่พวกเขาก็ยังเข้ารอบไดจ้ากการชนะด้วยสกอร์รวม 5-4

    ที่จริงถ้าจะบอกว่าหลายคนของ มาดริด หวาดเสียวในตอนแรกมันก็คงไม่ผิดนัก เพราะ เชลซี นำห่าง 3-0 ตอนถึงนาทีที่ 75 ซึ่งในตอนนั้นมันเท่ากับว่า มาดริด จะตกรอบ ยังดีที่ โรดรีโก้ มาทำประตูสำคัญให้ทีมได้ในนาทีที่ 80 จนทำให้ต้องวัดกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ คาริม เบนเซม่า จะมาทำประตูได้ในนาทีที่ 96 จนทำให้ "ราชันชุดขาว" รอดไปแบบหวุดหวิด

    ทั้งนี้ บางเหตุการณ์ในเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามันทำให้เกิดเกร็ดและสถิติที่น่าสนใจบางอย่าง ซึ่งมีบางอันที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย

    - เมาน์ท มาแรง
    เกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เมาน์ท ทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จนทำให้หากนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลก่อนแล้วล่ะก็ เขาก็ทำไปแล้ว 20 ประตูกับ 21 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในทุกรายการ และเขาก็ถือเป็น 1 ใน 2 นักเตะชาวอังกฤษที่ทำประตูกับแอสซิสต์ให้ทีมจาก พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน้อยแบบละ 20 อันจากการลงเล่นในทุกรายการของช่วงเวลาดังกล่าว โดยอีกคนหนึ่งที่ทำได้แบบเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น แฮร์รี่ เคน หัวหอก สเปอร์ส นั่นเอง

(https://static.siamsport.co.th/files/images/CHEKL01.jpg)

     นอกจากนี้ เมาน์ท ก็ยังเป็นนักเตะชาวอังกฤษคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่สามารถบุกมาทำประตูในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้ โดย 2 คนก่อนหน้านี้คือ อลัน สมิธ ที่เคยทำได้เมื่อปี 2001 และ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ทำเอาไว้ในปี 2013

    - เชลซี สร้างประวัติศาสตร์
    อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ เชลซี ได้มาเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว โดยถึงแม้ฤดูกาลก่อนพวกเขาจะเคยเจอกับ มาดริด ในถ้วยนี้ แต่ตอนนั้นมันเตะกันที่ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามซ้อมของ มาดริด จากการที่ช่วงนั้น "ราชันชุดขาว" กำลังบูรณะสนามเหย้าของพวกเขาอยู่

(https://static.siamsport.co.th/files/images/CHEKL02.jpg)

     และแค่ครั้งแรกกับการเล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เชลซี ชุดของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็กลายเป็นทีมจากเกาะอังกฤษทีมแรกที่บุกมาชนะ มาดริด ได้ถึง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ด้วยผลต่างเกิน 1 ลูก หากนับเฉพาะช่วงเวลาปกติด้วย โดยก่อนหน้านี้มี 3 หนที่ มาดริด เสียท่าให้ทีมจากอังกฤษที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในกเม แชมเปี้ยนส์ ลีก ประกอบด้วยการแพ้ อาร์เซน่อล 0-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกของฤดูกาล 2005-06, การปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์และรอบเดียวกันของซีซั่น 2008-09 และวันที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2 ในนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2019-20

    - อันเชล็อตติ ตอกย้ำความยอดเยี่ยม
    เวลาพูดถึงกุนซือที่เก่งๆ ของวงการลูกหนังในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ชื่อแรกๆ ที่โผล่ขึ้นมาในหัวของหลายคนคงจะหนีไม่พ้น โจเซป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ โชเซ่ มูรินโญ่ เพราะนอกจากคนเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จแล้วพวกเขายังมีบุคลิกที่โดดเด่นจนเป็นจุดขายและเป็นที่สนใจของคนทั่วไปได้ง่ายๆ แม้ว่าพักหลัง มูรินโญ่ จะผลงานดร็อปลงไปแต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาในช่วงก่อนหน้านี้ได้

(https://static.siamsport.co.th/files/images/CHEKL03.jpg)

     อย่างไรก็ตาม หากดูที่ฝีมือล้วนๆ แล้วนั้นมันก็มีกุนซืออีกหลายคนที่เก่งพอๆ กับคนในกลุ่มข้างต้น คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เพราะเขายังพาทีมทำผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ในเกือบทุกทีมที่ไปกุมบังเหียนให้ และยังรักษาฝีมือเอาไว้ได้ทั้งที่คุมทีมมาตั้งแต่ปี 1995 แล้ว ซึ่งผลการแข่งขันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ทำให้ตอนนี้ อันเชล็อตติ เป็นกุนซือคนที่ 3 เท่านั้นที่สามารถพาทีมของเขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นอย่างต่ำมากถึง 8 ฤดูกาล โดย 2 คนก่อนหน้านี้ที่เคยทำได้แบบเขาคือ มูรินโญ่ กับ กวาร์ดิโอล่า

    นอกจากนี้ มันก็เท่ากับว่าตอนนี้ทั้ง 3 ฤดูกาลที่ อันเชล็อตติ ทำงานในฐานะกุนซือของ มาดริด นั้น เขาก็พาทีมเข้าถึงรอบตัดเชือกของศึกชิงถ้วย "บิ๊กเอียร์" เป็นอย่างต่ำได้ครบทุกซีซั่นด้วย โดยในฤดูกาล 2013-14 เขาถึงขั้นพาทีมคว้าแชมป์มาครองได้เลย ส่วนซีซั่น 2014-15 เขาพาทีมจอดป้ายที่รอบรองชนะเลิศก่อนที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล