เว็บคาสิโนออนไลน์ที่ดีที่สุด MetaBet191 มีเครดิตฟรีทดลองเล่น

นักเตะแกนหลักของ สเปอร์ส ตกเป็นข่าวเรียกร้องให้สโมสรดึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่อาร์เจนไตน์กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมอีกรอบหลังจาก อันโตนิโอ คอนเต้ สร้างผลงานได้อย่างย่ำแย่ และคุมทีมในสไตล์ที่นักเตะไม่แฮปปี้

สเปอร์ส ตกเป็นข่าวในทางลบขึ้นมาทันทีหลังกระเด็นตกรอบ 16 ทีมถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพ่ายต่อ เอซี มิลาน ด้วยสกอร์รวม 1-0 ซึ่งส่งผลให้ คอนเต้ ตกอยู่ภายใต้ความกดดันตามระเบียบที่ไม่อาจพาสโมสรแห่งกรุงลอนดอนประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น

ต่อสถานการณ์ของทีม สเปอร์ส ล่าสุด สกาย สปอร์ตส์ รายงานเมื่อ 9 มี.ค.ว่าบรรดานักเตะอาวุโสของสโมสรพากันแสดงออกว่าพวกเขาต้องการให้ แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรทาบทาม โปเช็ตติโน่ กลับมาคุมทีมเป็นคำรบสองเนื่องจากอดีตกุนซือที่โดนปลดเมื่อเดือนพ.ย.2019 คุมทีมเล่นเกมรุกอย่างกล้าหาญมากกว่า คอนเต้ ซึ่งไม่อาจยกระดับทีมได้มากพอ

อย่างไรก็ดี เชื่อกันว่า ไก่เดือยทอง ไม่รีบเร่งที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจากผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนซึ่งจะคุมทีมลงเล่นในบ้านต้อนรับ ฟอเรสต์ สุดสัปดาห์นี้น่าจะผละไปจากทีมในช่วงซัมเมอร์เนื่องจากเขากำลังจะหมดสัญญาโดยเจ้าตัวเหลือเกมให้ได้กู้ชื่ออีก 12 นัด

นอกจาก โปเช็ตติโน่ ที่ยังง่างงานนับตั้งแต่โดน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตะเพิดแล้ว สเปอร์ส ถูกโยงกับนายใหญ่นามกระเดื่องอีกหลายรายทั้ง  โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ , หลุยส์ เอ็นรีเก้ , โธมัส ทูเคิ่ล , โธมัส แฟร้งค์ และ มาร์โก ซิลวา ขณะที่ โปเช็ตติโน่ ได้รับการคาดหมายว่าตกเป็นเป้าหมายของ เรอัล มาดริด ที่มีแววแยกทางกับ คาร์โล อันเชล็อตติ ในช่วงซัมเมอร์นี้

ไร สื่อยักษ์เมืองพิซซ่าระบุ อาร์เซน่อล จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ผงาดเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ตัว วิคเตอร์ โฮซิมเฮน ดาวยิงทีม นาโปลี ไปเสริมความคมในซีซั่นหน้าแม้หัวหอกทีมชาติ ไนจีเรีย จะตกเป็นเป้าหมายของทั้ง เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด

โอซิมเฮน ยอดกองหน้าของทีมจ่าฝูง เซเรียอา ตกเป็นข่าวรายวันกับทีมลูกหนังของเมืองผู้ดีอีกจนได้เมื่อล่าสุด ไร เผยว่า อาร์เซน่อล กลายมาเป็นทีมตัวเต็งที่จะได้สตาร์แอฟริกันไปเสริมทัพแม้เขาจะตกเป็นที่หมายปองของสองทีมร่วม พีเมียร์ลีก ตลอดจน ปารีส  แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ นาโปลี เนื่องจากมีการย้ายทีมของนักเตะระหว่างสองสโมสรบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น เอเซเกล ลาเวซซี่ , เอดินสัน คาวานี่ และ ฟาเบียน รูอิซ

ถึงอย่างนั้นก็ตาม สื่อเจ้าดังกล่าวรายงานว่า เดอะ กันเนอร์ส พร้อมเดินเกมล่าตัวหัวหอกวัย 24 ปีซึ่งกระทุ้งประตูในซีซั่นนี้ไปแล้ว 19 ลูกจาก 21 นัด แต่พวกเขาจะต้องยอมจ่ายแพงไม่ต่ำกว่า 133 ล้านปอนด์ (ราว 5,591 ล้านบาท)  ตามที่ทีมจากเมืองเนเปิ้ลส์ตั้งราคาขายซึ่งจะเป็นการทำลายสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซึ่ง เชลซี ถือครองอยู่หลังจาก สิงห์บลูส์ ควักจ่าย 106 ล้านปอนด์ (ราว 4,456 ล้านบาท) เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเซ็นสัญญากับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ มิดฟิลด์ทีมชาติ อาร์เจนติน่า ของทีม เบนฟิก้า

เท่าที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ซื้อ นิโกล่าส์ เปเป้ เข้ามาในราคาสูงที่สุดของสโมสรช่วงที่ดึงตัวปีกทีม ลีลล์ มาเสริมทัพเมื่อปี 2019 ด้วยค่าตัว 72 ล้านปอนด์ (ราว 3,026 ล้านบาท)  หากแต่ ไร ยืนยันว่าทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า พร้อมทุ่มไม่อั้นเนื่องจากเม็ดเงินที่จะจ่ายเพื่อแลกกับการได้ โอซิมเฮน มารับบทหัวหอกถือว่าคุ้มค่าเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการทำให้ทีมมีประสิทธิภาพในการพังประตูคู่แข่งมากขึ้นไปอีก

เครื่องสะดุด เพลาหัก สลักหาย ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมก็สิ้นฤทธิ์จนได้เมื่อบุกมาเยือนรัง แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับสำคัญ พร้อมทั้งโดนถล่มไปแบบเบาะๆ 7-0 ในเกมแดงเดือดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.

งานนี้จึงเท่ากับว่า เร้ด เดวิลส์ ต้องมองไปที่การล่าโทรฟี่อีกสองถ้วยเป็นหลัก ขณะที่ เร้ด แมชีน ได้ลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์อย่างเต็มตัวแล้วนอกเหนือไปจากการพยายามพลิกสถานการณ์เข้ารอบแปดทีมถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้หลังมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นพะเรอเกวียน

1. หงส์ ปรับทัพสามรายไม่ถูกใจแฟน



ลิเวอร์พูล เปลี่ยนโผนักเตะ 11 คนแรกรวมสามรายจากเกมชนะ วูล์ฟส์ นัดก่อนโดยส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , โคดี้ กัคโป และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงแทน  สเตฟาน บายเซติช , คอสคาส ซิมิคาส และ ดีโอโก้ โชต้า

จากการประกาศรายชื่อ ทำเอาแฟนบอล เร้ด แมชีน ในสื่อโซเชี่ยลออกอาการไม่เห็นด้วยกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ สักเท่าไหร่โดยพากันบ่นระงมว่า  บายเซติช น่าจะถูกส่งลงบู๊มากกว่า เฮนโด้ หรือไม่ก็ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

ด้าน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่เตรียมอำลา แอนฟิลด์ หลังหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรอง ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 150 ให้กับ เร้ด แมชีน พอดีพร้อมกับที่ เฮนโด้ ลงสนามเป็นเกมที่ 400 ให้กับเจ้าบ้าน

2. ผี แข็งโป๊กโรเตชั่นครึ่งโหล



แมนฯ ยูไนเต็ด โรเตชั่นนักเตะมากถึงหกชีวิตจากเกมชนะ เวสต์แฮม ในถ้วย เอฟเอคัพ รอบห้า

รวมแล้วเป็นไปตามความคาดหมายทั้งสิ้นเนื่องจาก ลิซานโดร , มาร์คัส แรชฟอร์ด , เฟร็ด , กาเซมีโร่ , ราฟาแอล วาราน และ ลุค ชอว์ กลับมายึดตำแหน่งในทีมตัวจริงครบครั้น

กระนั้นก็ดี หากจะเทียบจากนัดชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ในเกมชิงถ้วย คาราบาวคัพ เอริค เทน ฮาก ส่งขุนพลชุดเดิมทั้งหมดที่ลงเล่นใน เวมบลีย์ บุกมาเยือน แอนฟิลด์

3. ครึ่งแรกยังไร้ความเดือด



ด้วยความเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี หลายเกมของวันแดงเดือดใน 45 นาทีแรกมักเป็นไปแบบเกร็งๆเนื่องจากต่างก็ไม่มีใครอยากแพ้ให้กับศัตรูหมายเลขหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น

อย่างเกมนี้ก็เช่นกันที่ทั้ง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสงวนท่าที และเน้นดูเชิงกันในครึ่งแรกด้วยจุดประสงค์หากไม่ได้ประตูก็อย่าเสียประตูก่อนเป็นดีที่สุดอันส่งผลให้เกมการฟาดแข้งยังไม่ออกรสเท่าที่ควร

กระทั่งในที่สุด นาทีที่ 43 แผงหลัง ผีแดง ก็ก่อความผิดพลาด เปิดรูเบ้อเริ่มให้ โรเบิร์ตสัน ผ่านบอลให้ กัคโป หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัดเสียบเสาไกลพา เร้ด แมชีน นำ 1-0 และแน่นอนว่ามันส่งผลดีต่อการจุดประกายให้เกมส่อเค้าดุเด็ดเผ็ดร้อนมากขึ้นในอีก 45 นาทีที่เหลือ

แต่ที่แน่ๆ จากภาพรวมในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล คุมสถานการณ์ได้ดีกว่าจนสมควรได้ประตูนำจากเปอร์เซนต์การครองบอล 60:40% และได้ลุ้นยิงประตูมากกว่า 8:4 ครั้ง แม้จะเข้ากรอบน้อยกว่า 1:3 ครั้ง แต่ก็มากพอที่จะทำให้พวกเขานำหน้า

4. มนต์ขลัง แอนฟิลด์



เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่สองนาที แผงหลัง ผีแดง พลาดง่ายๆอีกจนได้โดยคราวนี้ ชอว์ จ่ายบอลเข้ากลางแย่จนโดนตัด แถมนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด หลายรายออกอาการแข้งขาอ่อนแรงเข้าแย่งบอลคืนไม่ได้เลย และไปจบที่โดน ดาร์วิน นูนเญซ โขกเหน่งๆเผาขนดับฝันทีมเยือนพาเจ้าบ้านทิ้งห่าง 2-0 ก่อนที่ โม ซาลาห์ จะจ่ายให้ กัคโป หลุดไปซัดมุมแคบให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง 3-0

ถึงตรงนี้ จึงแน่นอนว่าเกมตกเป็นของเจ้าบ้านแบบเต็มตัวแล้ว และมาได้ประตูเพิ่มเป็นชุดแทบจะทุกครั้งที่ง้างไกก่อนชนะไปแบบหายห่วง 7-0 จนเป็นเกมแดงเดือดที่ ผีแดง แพ้ยับที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และเป็นครั้งแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ด้วยสกอร์นี้ในทุกๆรายการจากที่เคยโดน วูล์ฟส์ ถล่มเละ 7-0 เช่นกันเมื่อเดือนธ.ค.1931

จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ครองบอลได้มากกว่าเท่ากับครึ่งแรกเป๊ะ 60:40% แต่ได้ยิงทั้งหมด 18 ครั้ง และเข้ากรอบ 8 ครั้งซึ่งเป็นสถิติที่เด็ดขาดอย่างแท้จริงกับการได้ 7 ประตู ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยิงรวมกัน 8 ครั้ง และเข้ากรอบ 4 ครั้ง

และที่สำคัญ ลิเวอร์พูล มีชัยในเกมแดงเดือดด้วยสกอร์ที่สูงที่สุดตามระเบียบหลังพวกเขาเคยขยี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยับ 7-1 มาก่อนเมื่อเดือนต.ค.1895 สมัยยังเล่นอยู่ในดิวิชั่นสอง

ต่อความพ่ายแพ้ในเกมล่าสุด ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถบุกมากำชัยที่ แอนฟิลด์ ได้ต่อไปแม้ซีซั่นนี้พวกเขาจะมีฟอร์มที่น่าจับตามองอย่างยิ่งโดยครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล เสียท่าคารังในเกมแดงเดือดต้องย้อนกลับไปในปี 2016 ซึ่ง หลุยส์ ฟาน กัล ยังเป็นกุนซือ ผีแดง อยู่ และพวกเขามี เวย์น รูนีย์ เป็นฮีโร่พาทีมบุกมาคว้าชัย 1-0

ขณะเดียวกัน คู่แข่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียท่าใน พรีเมียร์ลีก บ่อยที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ลิเวอร์พูล นี่เองรวมทั้งสิ้นเป็นเกมที่ 19 ใน พรีเมียร์ลีก แล้ว และจากห้านัดหลัง ผีแดง โดน หงส์แดง ฉีกตาข่ายแบบไม่ปราณีมากถึง 21 ประตูเลยทีเดียว

5. ซาลาห์ ไม่พลาดฝังผีลงหลุม



หลังพยายามดันเกมรุกกันทั้งแผงเพื่อทวงประตูคืน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดพื้นที่ให้เจ้าบ้านได้โต้กลับตลอดก่อนโดนทีเด็ดจาก โม ซาลาห์ เล่นงานตะบันให้สกอร์ขยับเป็น 4-0 ซึ่งเท่ากับว่าดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ ยังทำแสบกับ ผีแดง ได้อีกตามเคยกับการสอยตาข่ายคู่แข่งรายนี้ได้เป็นประจำโดยไม่รู้เบื่อ

ยิ่งไปกว่านั้น นาทีที่ 83 แผงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด มาทำหมูหกให้ ซาลาห์ ซัดได้อีกเม็ดจึงทำให้ดาวยิงไอยคุปต์สร้างสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดในเกม พรีเมียร์ลีก ของ ลิเวอร์พูล แซงหน้า ฟาวเลอร์ ทันทีจากจำนวน 129 ประตู

พร้อมกันนี้ ดาวยิงสัญชาติมัมมี่ยังเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกด้วยที่สอยตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตลอดหกเกมหลัง และหากจะนับเฉพาะ พรีเมียร์ลีก เขาทำสถิติเทียบเท่า อลัน เชียเรอร์ ได้เรียบร้อยแล้วในฐานะพ่อค้าแข้งที่กระซวกประตู เร้ด เดวิลส์ ได้มากที่สุด 10 ประตู

คริสเตียน สเตลลินี่ นายรองทีม สเปอร์ส กล่าวยอมรับว่าโอกาสคว้าท็อปโฟร์ของ ไก่เดือยทอง เริ่มไม่แน่นอนแล้วหลังทีมเมืองกรุงยังออกทะเลโดยบุกไปแพ้ วูล์ฟส์ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มี.ค.

สเปอร์ส เสียท่าให้ทีม หมาป่า ในช่วงแปดนาทีสุดท้ายจากประตูโทนของ อดาม่า ตราโอเร่ ซึ่งแม้ทีมจากลอนดอนจะยังรั้งอันดับสี่ของตาราง แต่พวกเขาลงเล่นมากกว่า นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับห้าสองนัดโดยมีแต้มมากกว่า สาลิกาดง สี่แต้ม

"เราโชว์ฟอร์มได้ดี เราเริ่มเกมได้ดี ครึ่งแรกตกอยู่ในคอนโทรลของเรา เรามีโอกาสทำประตู และเราน่าจะปิดเกมได้ เราทำไม่สำเร็จ และครึ่งหลังเป็นไปอย่างสูสี" สเตลลินี่ เอ่ยหลังจาก ไก่เดือยทอง แพ้มากถึงสี่นัด และชนะสองนัดจากหกนัดหลังในทุกรายการ

"พวกเขาได้ประตูก่อนจบเกมสิบนาที เราไม่มีโอกาสตีเสมอเลย มันเป็นเกมที่ยากอย่างที่เราคาด แต่เราพร้อมรับความท้าทาย เราพร้อมต่อสู้ เราพลาดโอกาสในครึ่งแรก วูล์ฟส์ สร้างโอกาสจากฝั่งซ้ายของเราด้วย ซาราเบีย เราต้องใช้เวลาปรับตัว แต่จากนั้นเราก็คุมเกมได้ สุดท้ายแล้วพวกเขาทำได้ดีในการดวลเกมรุก และพวกเขามีโอกาสทำประตู"

ต่อข้อถามถึงการคว้าท็อปโฟร์ ผู้ช่วยของ อันโตนิโอ คอนเต้ เอ่ยว่า "มันจะเป็นการแข่งขันที่ยาก เราไม่ได้โดดเดี่ยว มีทั้ง นิวคาสเซิ่ล และแน่นอนว่าทีมอื่นที่พร้อมพุ่งขึ้นมา"

"เราต้องพร้อมเล่นในเกมแบบนี้อีก บางทีเราน่าจะต้องมีสัญชาติญาณในการทำประตูมากกว่านี้ในเมื่อคุณมีโอกาส"

ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้ มีเกมการแข่งขันที่น่าสนใจหลายคู่เลยทีเดียว ซึ่งก็รวมถึงเกมแดงเดือดระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สังเวียนแข้ง แอนฟิลด์ ในคืนวันอาทิตย์ และนี่คือทรรศนะ 5 เกมสำคัญจากกูรูลูกหนังชื่อดังอย่าง มาร์ค ลอว์เรนสัน ที่เป็นตำนานปราการหลัง "หงส์แดง"

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (วันเสาร์)

"นิวคาสเซิ่ล เหมือนไม่มีตัวตนในเกม คาราบาว คัพ รอบชิงฯ (แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน) พอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำ พวกเขาก็รักษาระยะห่างเอาไว้ได้จนจบ พูดตรงๆ เลยนะ ผมจำไม่ได้แล้วว่า นิวคาสเซิ่ล ชนะนัดล่าสุดตอนไหน ซึ่งก็คงสักพักแล้วล่ะ ดังนั้นเกมนี้ผมขอเลือก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว เพราะ นิวคาสเซิ่ล มีเกมรับที่ดีมาก แต่สุดท้ายแล้ว ผมไม่คิดว่านั่นจะสร้างปัญหาอะไรให้กับ ซิตี้ ได้"

ฟันธงสกอร์ : แมนฯ ซิตี้ 2-0 นิวคาสเซิ่ล

- วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (วันเสาร์)

"วูล์ฟส์ แทบไม่ได้ออกหมัดเลยในเกมกับ ลิเวอร์พูล เมื่อกลางสัปดาห์ (ที่ วูล์ฟส์ แพ้ 0-2) ส่วน ท็อตแน่ม ก็เป็นเหมือนเดิมในถ้วย เอฟเอ คัพ ที่ถูก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (สเปอร์ส แพ้ 0-1) เขี่ยตกรอบ จริงๆ แล้วพวกเขาน่าจะได้เข้าไปอยู่ในรอบก่อนรองฯ แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พวกเขาได้ผลการแข่งขันดีๆ มาสามหรือสี่เกม จากนั้นก็มาแพ้ในเกมแบบนี้ แต่ผมก็ขอเลือก ท็อตแน่ม ชนะในเกมนี้ เมื่อมองดูจากสิ่งที่พวกเขาเป็น"

ฟันธงสกอร์ : วูล์ฟส์ 0-2 สเปอร์ส

- อาร์เซน่อล VS บอร์นมัธ (วันเสาร์)

"คุณคงคิดว่ามันอาจจะเป็นเกมที่น่าเบื่อ อาร์เซน่อล ได้ชัยชนะที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน (อาร์เซน่อล ชนะ 4-0) เมื่อคืนวันพุธ ส่วน บอร์นมัธ ยังคงต้องดิ้นรนอย่างหนัก และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายท้ายตาราง ขณะที่ อาร์เซน่อล ตอนนี้ดูเหมือนข้ามผ่านช่วงที่พวกเขาเป๋เล็กน้อยได้เรียบร้อยแล้ว"

ฟันธงสกอร์ : อาร์เซน่อล 2-0 บอร์นมัธ

- เชลซี VS ลีดส์ ยูไนเต็ด (วันเสาร์)

"แกรม พ็อตเตอร์ (ผู้จัดการทีม เชลซี) ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แต่ในเมื่อคุณไม่มีกองหน้าตัวเป้า คุณจะทำอะไรได้ล่ะ? แน่นอน เขาจะพยายามทำทุกวิถีทางนั่นแหละ แต่ ลีดส์ ดูนิ่งขึ้นมากในยุคของ ฆาบี กราเซีย พวกเขายังคงบ้าพลังวิ่งไปทุกที่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ดูมีความคิดมากขึ้น ผมคิดว่าเกมนี้อาจจะออกมาเสมอ ซึ่ง ลีดส์ โอเคแน่นอน แต่มันคงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับ พ็อตเตอร์"

ฟันธงสกอร์ : เชลซี 1-1 ลีดส์

- ลิเวอร์พูล VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (วันอาทิตย์)

"ผมได้เข้าไปดูเกมที่ ลิเวอร์พูล เจอ วูล์ฟส์ (ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0) เมื่อคืนวันพุธ และที่นั่นก็มีแต่คนพูดถึงเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะบุกมาเยือน ซึ่งผมขอเลือกยืนฝั่ง ลิเวอร์พูล พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ติดๆ กันในระยะหลัง และฟอร์มเริ่มดูดีขึ้นแบบช้าๆ นี่คือหนึ่งในเกมที่ผมคิดว่าพวกเขาจะมา เกมนี้จำเป็นต้องมีผู้ตัดสินที่มีความหนักแน่นด้วย เพราะจะมีการแท็กเกิ้ลกันหนักๆ ทั่วทั้งสนามแน่นอน"

ฟันธงสกอร์ : ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯ ยูไนเต็ด

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล มั่นใจ ดาร์วิน นูนเญซ จะกลายเป็นตัวอันตรายให้กับ "หงส์แดง" ได้ โดยบอกว่าที่จริงตอนนี้ นูนเญซ ก็เป็นคนที่ทีมแทบจะขาดไม่ได้ไปแล้ว

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเชื่อว่า ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าชาวอุรุกวัยจะพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองจนกลายเป็นตัวอันตรายให้กับทีมได้อย่างแน่นอน

เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินรวม 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) เพื่อดึง นูนเญซ มาร่วมทัพ แต่ช่วงหลายเดือนแรกเขาโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออกจนทำให้โดนหลายคนตำหนิอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม พักหลังมานี้แข้งวัย 23 ปีเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้น โดยถึงแม้จะทำประตูไม่ได้แต่ก็มีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมได้น่าประทับใจ แถมในเกมล่าสุดที่ชนะ ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 นั้น เขามีชอตส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้ด้วยก่อนที่จะโดน วีเออาร์ ริบไป

คล็อปป์ เผยว่า "เขากำลังไปถึงจุดนั้นได้แล้ว (การเป็นตัวอันตรายให้กับทีม) ทุกคนต่างก็เห็นถึงเรื่องนั้น เขาเป็นคนที่คู่แข่งรับมือได้ยากและเป็นตัวอันตรายที่ดีเลย ประตูที่เขาทำได้ (ก่อนจะโดนริบ) มันมาจากปฏิกิริยาที่สุดยอดและเป็นการยิงที่ยอดเยี่ยม"

"นอกจากนี้ เขายังมีจังหวะวิ่งที่ดีตรงริมเส้นด้วย น่าเสียดายที่ลูกเปิดมันไม่เข้าเป้า แต่มันคล้ายกับประตูที่เราทำได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เลย เขาใช้ความเร็วได้ดีทั้งในด้านเกมรุกและเกมรับ เขายังอายุน้อยอยู่ ทุกคนต่างก็มองเห็นว่าเขาจะยกระดับขึ้นมาได้ ผมไม่กังขาถึงเรื่องนั้นเลย แต่ที่จริงสำหรับเราน่ะเขาเป็นคนที่สำคัญมากๆ อยู่แล้ว"

แกรี่ เนวิลล์ อดีตสตาร์ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกโรงระบุถึงตัวแทนของ ดาบิด เด เคอา ในอนาคตว่า ดาบิด ราย่า ผู้รักษาประตูทีม เบรนท์ฟอร์ด มีความเหมาะสมที่สุดต่อการสวมบททายาทของมือกาวร่วมชาติ

แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวพร้อมมองหาผู้รักษาประตูรายใหม่ มาร่วมทีมในซีซั่นหน้าแม้จะมีแผนต่อสัญญาให้กับ เด เคอา เนื่องจากเขายังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างสถิติเก็บคลีนชีตได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรงละครแห่งความฝัน ไปแล้วจากเกมชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ที่ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ซึ่งเป็นคลีนชีตนัดที่ 181

ต่อกรณีดังกล่าว เนวิลล์ ในฐานะกูรูมองว่า ราย่า มีความเหมาะสมที่สุด และเขาน่าจะสนใจย้ายมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในซัมเมอร์นี้เช่นกันเนื่องจากตกเป็นข่าวปฏิเสธการต่อสัญญากับ เดอะ บีส์ ที่เหลืออีกแค่ปีเดียวไปสองหนแล้ว

"ผมคิดว่า ราย่า สนใจย้ายมาที่ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์นี้ ผมไปดู เบรนท์ฟอร์ด เล่นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผมคิดว่าเขาจะย้าย เขาเหลือสัญญาแค่ปีเดียว ผมคิดว่าเขาต้องการยกระดับตัวเอง" เนวิลล์ เอ่ยถึงมือกาวเลือดกระทิงดุวัย 27 ปี

อย่างไรก็ดี อดีตแบ็คขวาทีมชาติ อังกฤษ เตือน ราย่า ล่วงหน้าว่าต้องเตรียมความพร้อมอย่างหนักเนื่องจากตำแหน่งผู้รักษาประตูทีม ผีแดง ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด

"มันเป็นปัญหา ผมอยากจะบอกว่าตำแหน่งที่ยากลำบากที่สุดในฟุตบอลอังกฤษคือนายทวารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ผมเชื่ออย่างนั้น"

"มันลำบาก! และผมเห็นนายทวารหลายรายกระเสือกกระสน มันเป็นปัญหาที่พวกเขาประสบ และนายทวารหน้าใหม่จะต้องรับมือให้ได้"

ไอแวน โทนีย์ กองหน้าทีม เบรนท์ฟอร์ด ตัดสินใจยอมรับผิดกรณีถูก สมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) ตั้งข้อหาเล่นพนันฟุตบอลซึ่งถือเป็นข้อห้ามของพ่อค้าแข้งในลีกอิงลิช

โทนีย์ ถูก เอฟเอ ระบุว่าละเมิดกฏเล่นพนันฟุตบอลมากถึง 262 ครั้งระหว่างปี 2017-2021 ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งแม้จะไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหมดสิทธิ์ติดทีมชาติบินไปที่ กาตาร์ ตามที่ เอฟเอ ยืนยัน แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติ อังกฤษ ตัดสินใจไม่ใส่ชื่อเขาติดธงเองจึงทำให้หัวหอกผิวสียังต้องรอโอกาสรับใช้ชาติเป็นเกมแรกต่อไป

กระทั่งล่าสุดเมื่อ 28 ก.พ. เดอะ ซัน เผยว่า โทนีย์ ตัดสินใจรับผิดแล้ว แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เล่นพนันมากมายอย่างที่ เอฟเอ เผยจำนวนครั้งออกมา

ต่อกรณีดังกล่าว เชื่อว่าคณะกรรมการอิสระจะเริ่มต้นพิจารณาบทลงโทษของศูนย์หน้าวัย 26 ปีภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าโดยมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้รับโทษแบนยาวหลายเดือนตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นนี้เลย และน่าจะกินเวลาไปจนถึงเดือนมิ.ย.และก.ค.ด้วย

ก่อนหน้านี้ คีแรน ทริปเปียร์ ฟูลแบ็คทีม นิวคาสเซิ่ล เคยได้รับโทษจาก เอฟเอ มาแล้วกรณีบอกกับเพื่อนให้ไปวางเดิมพันหาเงินเข้ากระเป๋าก่อนที่เขาจะย้ายจากทีม สเปอร์ส ไปค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2019 และส่งผลให้ดาวเตะ สาลิกาดง ถูกแบนสิบสัปดาห์ในช่วงที่ยังค้าแข้งกับทีม ตราหมี  รวมทั้งถูกปรับเงิน 70,000 ปอนด์ ( ราว 2.9 ล้านบาท)

ด้าน โจอี้ บาร์ตัน เคยได้รับโทษแบน 18 เดือนเมื่อปี 2016 เนื่องจากเล่นพนันฟุตบอล 1,260 ครั้งตลอดระยะเวลาสิบปี และส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจแขวนรองเท้าทันทีแทนที่จะอุทธรณ์บทลงโทษ

สำหรับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ อดีตกองหน้าทีมชาติ อังกฤษ เคยโดนแบนสี่เดือนเมื่อเดือนม.ค.2018 หลังถูกพบว่ามีความผิดข้อหาแจ้งการย้ายทีมล่วงหน้าให้กับคนอื่นนำไปวางเดิมพัน และถูกปรับเงิน 150,000 ปอนด์ (ราว 6.4 ล้านบาท)  กระทั่งส่งผลให้ แทรบซอนสปอร์ ยกเลิกสัญญากับเขา

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ระบุ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะยังต้องมีหัวหอกตัวเป้าตามธรรมชาติเพิ่มอีก ต่อให้ตอนนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะกำลังร้อนแรงสุดๆ ก็ตาม

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นว่า "ปีศาจแดง" ยังขาดกองหน้าตัวเป้าตามธรรมชาติอยู่ เพราะมองว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด เหมาะกับการเล่นตรงริมเส้นฝั่งซ้ายมากกว่า

ฤดูกาลนี้ แรชฟอร์ด โชว์ฟอร์มได้สุดยอดจนทำไปแล้ว 25 ประตูจากการลงเล่น 38 นัดในทุกรายการ ซึ่งแค่นี้ก็ถือเป็นซีซั่นที่เขาทำประตูให้ต้นสังกัดได้มากที่สุดแล้ว จนทำให้บางคนตั้งประเด็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะไม่จำเป็นต้องหาซื้อหัวหอกมากนัก

เฟอร์กูสัน เผยว่า "ผมไม่คิดว่าเขา (แรชฟอร์ด) เป็นหัวหอกตัวเป้า เขาประจำการอยู่ทางฝั่งซ้ายและทำผลงานได้วิเศษมากๆ ทักษะการจบสกอร์ของเขาน่ะดีอยู่เสมอ เขามักจะยิงให้มันต่ำๆ เอาไว้อยู่ตลอด ซึ่งนั่นถือเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ สำหรับคนเป็นกองหน้า แถมตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องด้วย"

"โชคไม่ดีสำหรับเราที่เขาเป็นคนทำประตูตัวหลัก (เพียงคนเดียว) ถ้าเรามีคนแบบนั้นเพิ่มอีก 1 คนก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้เขาก็กำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม"

หนึ่งในปัจจัยตัดสินแชมป์ พรีเมียร์ลีก!เป็ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล จะทำคะแนนตกหายหลังเกมยุโรปเข้าสู่ช่วงสำคัญ ชี้ใครทำหลุดมือน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายเข้าป้ายในที่สุด

เป็ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่า อาร์เซน่อล จะทำแต้มหลุดมือในช่วงลุ้นแชมป์ไปจนจบฤดูกาลนี้เช่นเดียวกับ "เรือใบสีฟ้า" ของตัวเอง เนื่องจากทั้งสองทีมมีโปรแกรมต้องพะวงกับฟุตบอลถ้วยยุโรปที่มีความสำคัญเช่นกัน

กุนซือชาวสแปนิช เพิ่งพา แมนฯ ซิตี้ บุกไปถล่ม บอร์นมัธ 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้มี 55 คะแนนจาก 25 นัด ไล่จี้ อาร์เซน่อล ที่เล่นน้อยกว่าหนึ่งนัดอยู่ 2 คะแนนเหมือนเดิม โดย "ปืนใหญ่" มีโปรแกรมเล่นนัดตกค้างกับ เอฟเวอร์ตัน วันพุธที่ 1 มี.ค.นี้

กวาร์ดิโอล่า พูดถึงการแย่งแชมป์กับ อาร์เซน่อล ที่มีโปรแกรมต้องเล่นถ้วย ยูโรปา ลีก ด้วยว่า "มันยังคงมีอีกหลายเกมให้ลงเล่น และยังคงมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างกำลังจะเกิดขึ้น"

"ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ดีแค่ไหน ผมรู้ว่าพวกเราไม่สามารถทำแต้มหลุดมือได้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะเริ่มกลับมาเล่นในถ้วย ยูโรปา ลีก เช่นกัน หลายอย่างกำลังจะเกิดขึ้น"

"ผมเชื่อว่า พวกเขาจะทำคะแนนหลุดมือ เช่นเดียวกับพวกเราที่คงจะทำคะแนนหลุดมือไปบ้างเหมือนกัน ทีมไหนที่ทำคะแนนหลุดมือไปน้อยกว่าจะเป็นแชมป์" อดีตนายใหญ่ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น ทิ้งท้าย