ค้นหา

[ลูกหนังไทย]

การที่ ซาดิโอ มาเน่ โบกมือลา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ เป็นการเตือนเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ว่าบรรดานักเตะระดับสตาร์ของทีมจะไม่มีทางอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์จนกระทั่งแขวนสตั๊ด นั่นทำให้สโมสรจะต้องมีการวางแผนสำหรับอนาคต

     หลังจากประสบความสำเร็จในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก ด้วยขุมกำลังชุดปัจจุบันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" จำนวนมากเริ่มกังวลแล้วว่านักเตะในเวลานี้อายุอานามเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

     ลองดูรายชื่อแข้งอย่าง ติอาโก้ อัลกันทาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โฌแอล มาติป, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทั้งหมดอายุมากกว่า 28-30 ปีเข้าไปแล้ว

     ด้วยเหตุนี้ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ และบอร์ดบริหารจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้องเริ่มมองการวางรากฐานใหม่สำหรับอนาคต ฉะนั้นการเสริมทัพนับตั้งแต่ซัมเมอร์นี้จึงเน้นนักเตะชั้นดี พร้อมทั้งสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญอายุต้องอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถยืนระยะการเล่นในช่วงหลายๆ ปีต่อจากนี้

     เชื่อว่าแฟนบอล "หงส์แดง" เวลาที่มองดูขุมกำลังในชุดปัจจุบันพวกเขารู้สึกกังวลอย่างมากว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาทดแทนบรรดานักเตะเหล่านี้ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทีมมีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่ก้าวขึ้นมาร่วมทีม และแต่ละคนมีอยู่ในแผนการสร้างทีมของคล็อปป์ซะด้วย



     ขณะที่นักเตะที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่อายุอยู่ระหว่าง 25 หรือน้อยกว่านั้นซึ่งพร้อมที่จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่นายใหญ่ชาวเยอรมันจะดันขึ้นมาเป็นตัวหลักในอนาคต

      สำหรับแข้งคีย์แมนอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็อายุเพียงแค่ 21 ปี ขณะที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (19 ปี), เคอร์ติส โจนส์ (21ปี), อิบราฮิม่า โกนาเต้ (23 ปี), ดีโอโก้ โชต้า (25 ปี) และ โจ โกเมซ (25 ปี) ทั้งหมดนี้มีโอกาสที่จะพัฒนาฝีเท้าจนขึ้นมาเป็นสตาร์ประจำสโมสรได้

     นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังได้ทำการเซ็นสัญญานักเตะดาวรุ่งอย่าง คาลวิน แรมซี่ย์ แบ็กขวาวัย 18 ปีจาก อเบอร์ดีน เพื่อมาเป็นยางอะไหล่ให้กับ "หนุ่มเทรนต์" ในขณะเดียวกันก็เป็นการวางอนาคตว่าเจ้าหนูรายนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักเมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาศักยภาพได้ถึงขีดสุด

     ยังไม่หมดแค่นั้นพวกเขาจัดการรวบตัว ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งมาจากฟูแล่ม ซึ่งเป็นนักเตะคนแรกที่เซ็นสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยแข้งรายนี้มีศักยภาพทั้งการเล่นในตำแหน่งจอมทัพ และยังสามารถขยับไปอยู่ในตำแหน่งแนวรุก 3 ประสานก็ได้ด้วย

     นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมจาก ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬาของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะอำลาสโมสรในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยงานนี้ จูเลี่ยน วอร์ด จะก้าวเข้ามารับหน้าที่แทน และพยายามสานต่องานเพื่อให้ ลิเวอร์พูล เดินหน้ารักษาความสำเร็จในเรื่องตลาดพ่อค้าแข่งต่อไป

     การวางแผนทั้งหมดนี้ต้องยกย่อง คล็อปป์  เพราะเขาพยายามทำงานหนักเพื่อวางรากฐานให้กับทีมแข็งแกร่งที่สุด ฉะนั้นการเสริมทัพของทีมจะต้องเน้นผู้เล่นที่สามารถยืนหยัดอยู่กับสโมสรได้นานอีกหลายปี



     ว่ากันว่าตอนนี้ทีมล็อกเป้า จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลาง "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นแข้งรายต่อไป โดย ลิเวอร์พูล เอคโค่ สื่อดังในท้องถิ่นระบุว่านี่คือเป้าหมายหลักในการเสริมแกร่งแดนกลาง แต่ด้วยการที่ทีมใช้เงินไปเยอะแล้วฉะนั้นการเซ็นสัญญากับนักเตะอาจจะเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์หน้า

      อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล คงจะต้องทุ่มทุนอย่างหนักเพราะ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด และ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็อยากได้ลายเซ็นของ เบลลิงแฮม เช่นกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจะไม่อยากมาเล่นในแอนฟิลด์ โดยเฉพาะการได้ทำงานร่วมกับชายที่ชื่อ "คล็อปป์"

     แน่นอนว่าการวางแผนแบบนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล พร้อมที่จะเปิดศึกไล่ล่าความสำเร็จในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วยกลุ่มนักเตะชั้นดีกลุ่มใหม่ ไม่เหมือนกับบางสโมสรที่ออกอาการเป๋จนทีมร่วงไม่เป็นทางเมื่อผู้จัดการทีมที่ครอบตำแหน่งยาวนานวางมือ

     สำหรับเรื่องแบบนี้คงยากจะเกิดขึ้นในถิ่นแอนฟิลด์ หากพวกเขารู้จักวางแผนล่วงหน้าอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน !