ค้นหา

[บ้านผลบอลวันนี้]

"เป๊ป กวาร์ดิโอลา" ข้องใจ "ลิเวอร์พูล" ก็เคยใช้เงินซื้อความสำเร็จ ไม่ต่างกับ "แมนฯ ซิตี้" แต่ทำไมไม่ถูกแซะบ้าง

วันที่ 12 พ.ค. 65 สืบเนื่องจาก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันบรรลุข้อตกลงกับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรแกร่งแห่งศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ในการคว้า เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ มาสู่ถิ่น เอติฮัด สเตเดียม โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 51.2 ล้านปอนด์ (2.17 พันล้านบาท) และรับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

หลังจากนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนฯ ซิตี้ ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังใช้เงินไปแล้วกว่า 1 พันล้านปอนด์ (4.2 หมื่นล้านบาท) ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเขากำลังใช้เงินซื้อความสำเร็จเข้าสู่ทีม และเหมือนเป็นการเอาเปรียบทีมร่วมลีกทีมอื่นๆ ที่มีกำลังเงินน้อยกว่า

ล่าสุด เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ออกมาตอบโต้เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยตั้งคำถามว่า ลิเวอร์พูลในยุค 1970 และ 1980 ก็เป็นทีมที่ใช้เงินมหาศาลซื้อความสำเร็จ แต่ทำไมไม่ถูกวิจารณ์แรงเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ โดย เป๊ป เปิดใจกับ สกาย สปอร์ต ว่า "ผมดูสารคดีเกี่ยวกับลิเวอร์พูลในยุคของ บิลล์ แชงค์ลีย์, บ็อบ เพสลีย์, โจ เฟแกน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความสำเร็จของพวกเขาใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และวิธีการที่พวกเขาทำให้ทีมในยุค 70 และ 80 ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ซึ่งจริงๆ จริงแล้วลิเวอร์พูลก็ใช้เงินซื้อความสำเร็จ ไม่ต่างจากแมนฯ ซิตี้ เลยด้วยซ้ำ แต่ทุกคนกลับมองว่าเราเป็นทีมที่ฟุ่มเฟือยและใช้เงินซื้อความสำเร็จ เพียงเพราะว่าเรามีเจ้าของทีมที่ร่ำรวย"

"เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปี ที่แล้ว ลิเวอร์พูลใช้เงินมากถึง 1.9 ล้านปอนด์คว้าตัว ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ จากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในปี 1987 และจ่าย 8.5 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว สแตน คอลลีมอร์ ในปี 1995 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากในยุคนั้น และถ้าจะให้เปรียบเทียบกับสมัยนี้ การซื้อตัว 2 แข้งดังกล่าว ก็คือดีลระดับ 100 ล้านปอนด์ในยุคสมัยนี้"

"สำหรับคนทั่วไป อาจมองว่าลิเวอร์พูลใช้จ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อซื้อความสำเร็จในยุคนั้น แต่จริงๆ แล้วลิเวอร์พูลใช้จ่ายเงินในจำนวนมหาศาลเลยก็ว่าได้ และเป็นราคาที่ทีมร่วมลีกทีมอื่นๆ ไม่สามารถจ่ายในระดับนี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นลิเวอร์พูลจึงควรเป็นทีมที่ถูกมองว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จเช่นเดียวกับแมนฯ ซิตี้"