ค้นหา

[ลูกหนังไทย]

จากสถานการณ์ล่าสุด เชลซี ขยับตัวจ่ายตลาดได้อย่างน่าอิจฉาด้วยการคว้า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีม แมนฯ ซิตี้ เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่รายแรกในยุคของ ท็อดด์ โบลีห์ เจ้าของใหม่ชาวอเมริกัน

    เท่านั้นไม่พอ สิงห์บลูส์ ยังจ่อได้ คาลิดู คูลิบาลี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม นาโปลี ตามมาติดๆด้วยหลังจากทั้งสองสโมสรตกลงค่าตัวนักเตะกันได้แล้วโดยสตาร์ทีมชาติ เซเนกัล บินมารอตรวจร่างกายที่ลอนดอนแล้วเช่นกัน

    นอกจากคู่นี้แล้ว เชื่อได้เลยว่าทีมดังของเมืองผู้ดียังจะเดินหน้าคว้านักเตะใหม่มาร่วมทัพเพิ่มอีกแน่เพื่อสร้างทีมขึ้นมาลุ้นแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นหน้า

    อย่างไรก็ดี ก่อนจะถึงวันนั้น เรามาดูการจ่ายตลาดจนถึงนาทีนี้กันก่อนดีกว่าว่า 10 สโมสรของยุโรปที่มือเติบที่สุดมีทีมจากประเทศไหนกันบ้าง

. แมนฯ ซิตี้ (97.87 ล้านปอนด์)



    เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (54 ล้านปอนด์จาก ดอร์ทมุนด์),สเตฟาน ออร์เตก้า (ฟรีจาก อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์) ,คัลวิน ฟิลลิปส์ (43.87 ล้านปอนด์จาก ลีดส์)

    ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ที่ทีมเงินหนาอย่าง เรือใบสีฟ้า จะครองแชมป์อยู่ในนาทีนี้หลังควักกระเป๋าจ่ายมากที่สุดในบรรดาทีมลูกหนังของทวีปยุโรป

อันที่จริง แมนฯ ซิตี้ น่าจะมียอดรายจ่ายสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ดีที่ว่าพวกเขาได้ ฮาแลนด์ มาร่วมทีมด้วยค่าฉีกสัญญาซึ่งย่อมเยากว่าราคาประเมินหลายเท่า
   
    อย่างไรก็ดี แชมป์ พรีเมียร์ลีก อาจเสียเงินเพิ่มมากกว่านี้ก่อนปิดตลาดก็เป็นได้เนื่องจากพวกเขาตกเป็นข่าวต้องการดึง มาร์ค คูคูเรย่า แบ็คซ้ายทีม ไบรท์ตัน เข้ามาร่วมก๊วนเป็นจิ๊กซอว์รายสุดท้ายซึ่งน่าจะทำให้พวกเขาต้องจ่ายเงินอีกเป็นจำนวน 45 ล้านปอนด์

2. ลีดส์ ยูไนเต็ด (95.08 ล้านปอนด์)



    เบรนแดน อารอนสัน (29.56 ล้านปอนด์จาก แอร์เบ ไลป์ซิก) ,หลุยส์ ซินิสแตร์ร่า (22.5 ล้านปอนด์จาก เฟเยนูร์ด), ไทเลอร์ อดัมส์ (15.3 ล้านปอนด์จาก แอร์เบ ไลป์ซิก) , ราสมุส คริสเตนเซ่น (11.7 ล้านปอนด์จาก เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก) , มาร์ค โรค่า (10.8 ล้านปอนด์จาก บาเยิร์น) , ดาร์โก้ จียาบี้ (5.22 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ซิตี้)

    ยูงทอง จัดเต็มไม่น้อยหน้าใครเมื่อลงทุนคว้านักเตะใหม่มาแล้วมากถึงครึ่งโหลหลังจากซีซั่นก่อนพวกเขาเกือบหล่นไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ

    ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทีมจาก เอลแลนด์ โร้ด เนื่องจากพวกเขารับค่าตัว ฟิลลิปส์ อย่างงามหลังขายกองกลางตัวกลั่นให้กับ เรือใบสีฟ้า และจ่อรับทีพย์ก้อนโตอีกก้อนหลังตกลงค่าตัว ราฟินญ่า กับ บาร์เซโลน่า ได้แล้ว

3. อาร์เซน่อล (87.36 ล้านปอนด์)



    กาเบรียล เชซุส (46.98 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ซิตี้ ,ฟาบิโอ วิเอร่า (31.5 ล้านปอนด์จาก ปอร์โต้) ,แม็ตต์ เทอร์เนอร์ (5.73 ล้านปอนด์จาก นิวอิงแลนด์) , มาร์กินญอส (3.15 ล้านปอนด์จาก เซา เปาโล

    ทีม ปืนใหญ่ จ่ายตลาดชนิดไม่กลัวกระเป๋าฉีกหลังพลาดการคว้าโควต้าลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในโค้งสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย

    อย่างไรก็ดี คาดว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมสแปนิชยังไม่หยุดช็อปปิ้งแต่เพียงเท่านี้เนื่องจากเขายังหวังล่าตัวกองกลาง และกองหลังมาเพิ่มอีกซึ่งอาจทำให้สโมสรหมดเงินทะลุหลัก 150 ล้านปอนด์ก่อนปิดตลาด

4. สเปอร์ส (78.48 ล้านปอนด์)



    ริชาร์ลิซอน (52.2 ล้านปอนด์จาก เอฟเวอร์ตัน) , อีฟส์ บิสซูม่า (26.8 ล้านปอนด์จาก ไบรท์ตัน) , อีวาน เปริซิช (ฟรีจาก อินเตอร์ มิลาน) , เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (ฟรีจาก เซาธ์แฮมป์ตัน) , เกลม็องต์ ล็องเลต์ (ยืมจาก บาร์ซ่า)

    ไก่เดือยทอง ตกรางวัลให้กับ อันโตนิโอ คอนเต้ อย่างงามหลังจากกุนซืออิตาเลี่ยนสร้างผลงานเหลือเชื่อพาทีมจบอันดับท็อปโฟร์ได้สำเร็จ

    กระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่แน่ว่า สเปอร์ส จะงดจ่ายตลาดหรือยังเนื่องจากสื่อยังลือพวกเขากับพ่อค้าแข้งบางรายอยู่อย่างต่อเนื่อง

5. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (77.40 ล้านปอนด์)



    เซบาสเตียน อัลแลร์ (27.9 ล้านปอนด์จาก อาแจ็กซ์) , คาริม อเดเยมี่ (27 ล้านปอนด์จาก เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก) , นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค (18 ล้านปอนด์จาก ไฟร์บวร์ก) ,ซาลีห์ ออซคาน (4.5 ล้านปอนด์จาก โคโลญจน์) ,นิคลาส ซือเล่ (ฟรีจาก บาเยิร์น) , มาร์เซล ล็อตก้า (ฟรีจาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน) , อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ (ฟรีจาก ยาห์น เรเกนส์บวร์ก)

    เสือเหลือง ทุ่มจ่ายตลาดอย่างบ้าคลั่งจนผงาดเป็นทีมนอก พรีเมียร์ลีก ที่ทุ่มเงินมากที่สุดจวบจนถึงขณะนี้

และที่สำคัญ พวกเขาเสริมทัพได้อย่างน่าจับตามองซะด้วยหลังเสีย ฮาแลนด์ ให้กับ แมนฯ ซิตี้ เนื่องจากทีมดังแห่ง ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ภายใต้การกุมบังเหียนของ เอดิน แทร์ซิช มุ่งมั่นที่จะฉุด บาเยิร์น ให้หล่นจากบัลลังก์แชมป์     บุนเดสลีกา ที่พวกเขาผูกขาดมานานสิบปีติดต่อกันซะที

6. ลิเวอร์พูล (77.22 ล้านปอนด์)



    ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ (5.31 ล้านปอนด์จาก ฟูแล่ม)  ,ดาร์วิน นูนเญซ (67.5 ล้านปอนด์จาก เบนฟิก้า) ,คัลวิน แรมซีย์ (4.41 ล้านปอนด์จาก อเบอร์ดีน)

    หลังเสีย ซาดิโอ มาเน่ ให้กับ บาเยิร์น หงส์แดง ก็จัดแจงลงทุนเป็นสถิติสโมสรคว้า นูนเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยมาเสียบแทน ก่อนได้เฮอีกยกเมื่อจับ โม ซาลาห์ ต่อสัญญาได้สำเร็จ

    ว่ากันว่า นาทีนี้ ลิเวอร์พูล ปิดงบเรียบร้อยแล้ว แต่ในทางกลับกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ยืนยันผ่านสื่อขณะทัวร์สิงคโปร์ว่าจะมีนักเตะถูกปล่อยตัวเพิ่มอีกแม้พวกเขาจะโละสตาร์อย่าง ทาคูมิ มินามิโนะ , ดิว็อค โอริกี้ และ ลอริส คาริอุส ออกไปแล้วก็ตาม

7. เรอัล มาดริด (72.00 ล้านปอนด์)



    ออเรเลียง ชูเอมานี่ (72 ล้านปอนด์จาก โมนาโก),อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (ฟรีจาก เชลซี)

    ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เสียเงินคว้านักเตะใหม่ในซัมเมอร์นี้แค่รายเดียวเท่านั้นทั้งๆที่แต่ก่อนแต่ไรพวกเขาเป็นเจ้าพ่อแห่งการช็อปปิ้งแทบทุกตลาดเลยก็ว่าได้

    อันที่จริง ราชันชุดขาว น่าจะได้ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ มาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไม่มีค่าตัวด้วย แต่ศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสเปลี่ยนใจต่อสัญญากับต้นสังกัดในบ้านเกิดอย่างน่าฉงน

8. ปารีส แซ็งต์ แชร์กแมง (71.55 ล้านปอนด์)



    วิตินญ่า (37.35 ล้านปอนด์จาก ปอร์โต้),นูโน่ เมนเดส (34.2 ล้านปอนด์จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน)

    หลังกล่อมให้ เอ็มบัปเป้ ล้มแผนย้ายทีมอยู่รับใช้สโมสรต่อได้สำเร็จ เปแอสเช ก็โล่งอกขึ้นเป็นกอง และไม่ได้จ่ายตลาดอย่างหวือหวาอะไรเนื่องจากเท่าที่ผ่านมาพวกเขาเซ็นสัญญาคว้าสตาร์ดังมาร่วมทัพหลายรายแล้ว

    ขณะเดียวกัน แชมป์ ลีกเอิง ให้ความสำคัญกับการมองหาโค้ชคนใหม่มากกว่าด้วย และลงเอยกับการดึง คริสตอฟ กัลทิเยร์ มาคุมทีมแทน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อีกทั้งมีแผนโละนักเตะในทีมออกไปหลายรายโดยหัวหอกคนดังอย่าง เนย์มาร์ ก็โดนลือกับเขาด้วย

9. ฟอเรสต์ (62.10 ล้านปอนด์)



    โอมาร์ ริชาร์ดส์ (7.65 ล้านปอนด์จาก บาเยิร์น) ,ไตโว อโวนิยี่ (18.45 ล้านปอนด์จาก อูนิโอน เบอร์ลิน) ,ดีน เฮนเดอร์สัน (ยืมจาก แมนฯ ยูไนเต็ด) ,จูเลี่ยน เบียงโคเน่ (9 ล้านปอนด์จาก ทรัวส์) ,มุสซ่า เนียกาเต้ (9 ล้านปอนด์จาก ไมนซ์) , เนโก วิลเลี่ยมส์ (18 ล้านปอนด์จาก ลิเวอร์พูล)

    เจ้าป่า หวนกลับสู่ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากด่วนตกชั้นกลับไปในเวลาแค่ซีซั่นเดียวเหมือนที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกกับทีมน้องใหม่ทั้งหลายแหล่

    ด้วยเหตุนี้ ทีมของกุนซือ สตีฟ คูเปอร์ จึงเดินหน้าจ่ายตลาดอย่างเมามัน แต่มันจะเพียงพอต่อการช่วยให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยหรือเปล่าเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกัน

10. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (59.40 ล้านปอนด์)



    นิค โป๊ป (10.35 ล้านปอนด์จาก เบิร์นลีย์) , แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์ (15.75 ล้านปอนด์จาก แอสตัน วิลล่า) ,สเวน บ็อตมัน (33.3 ล้านปอนด์จาก ลีลล์)

    ในฐานะทีมลูกหนังที่มีเจ้าของมั่งคั่งที่สุดในโลก สาลิกาดง จึงใช้โอกาสของตลาดหน้าร้อนเสริมทัพหวังยกระดับให้ได้หลังจากซีซั่นก่อนพวกเขาเร่งสร้างผลงานเอาตัวรอดอยู่ใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ

    หากแต่ด้วยชื่อชั้นของสโมสรที่ยังไม่มีแรงดึงดูดมากพอ จึงไม่ง่ายที่ทีมอีสานของเมืองผู้ดีจะเซ็นสัญญากับดาวเตะระดับแนวหน้าต่อให้มีเงินใช้เป็นเข่งก็ตาม